หากติดเครดิตบูโร ซื้อบ้านได้ไหม??
“จะกู้ไม่ผ่าน เพราะติดเครดิตบูโร” ใครที่กำลังซื้อบ้านควรทำความเข้าใจ
สำหรับลูกค้า “บ้านไอลีฟ” มาหาคำตอบกันได้ที่นี่
ก่อนอื่นเชื่อว่าพวกเรารู้จักเครดิตบูโร กันเป็นอย่างดี และหลายคนกำลังกังวลเรื่องการติดเครดิตบูโร หรือการติดแบล็คลิสต์ เพราะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ธนาคารจะใช้พิจารณาอนุมัติปล่อยสินเชื่อซื้อบ้าน ผู้ขอสินเชื่อที่ติดเครดิตบูโรร้อยทั้งร้อยจะไม่ได้รับอนุมัติ เพราะธนาคารจะมองเราในภาพรวมว่ายังไม่มีความพร้อมในการขอสินเชื่อซื้อบ้าน และอาจจะโดนเหมารวมว่าเรา มีแนวโน้มที่จะผ่อนชำระหนี้ได้ไม่ตรงตามข้อกำหนดที่ระบุในสัญญาเงินกู้
แต่ก็ใช่ว่าผู้ที่มีประวัติติดเครดิตบูโรแล้วจะไม่มีโอกาสขอสินเชื่อได้อีกเลย เพียงแต่ว่าจะต้องทำการแก้ไขปัญหาดังกล่าวให้เสร็จสิ้นเสียก่อน จึงจะทำการยื่นขอสินเชื่ออีกครั้ง โดยมีคำแนะนำถึงขั้นตอนการแก้ปัญหาเมื่อติดเครดิตบูโร ก่อนทำการกู้ซื้อบ้าน ดังนี้
รู้จักสถานะทางบัญชีในเครดิตบูโร
รายงานข้อมูลเครดิตนั้นจะทำการเก็บข้อมูลการผ่อนสินเชื่อของเรา ไม่ว่าจะเป็น ผ่อนรถ ผ่อนบัตร ผ่อนบ้าน ย้อนหลังไปทั้งหมด 36 เดือน (หรือ 3 ปี) ว่าเรามีประวัติทางการเงินอย่างไรบ้าง และมีสถานะทางการเงินในบัญชีเป็นอย่างไร โดยให้ดูที่ตัวเลขที่กำกับไว้
ตัวเลข 10 ความหมายคือ มีสถานะปกติ โดยเจ้าของบัญชีมีการชำระสินเชื่อตามจำนวนยอดเงินปกติ ตรงตามเงินไข และไม่มียอดค้างชำระ
ตัวเลข 11 ความหมายคือ มีสถานะปิดบัญชี โดยเจ้าของบัญชีได้ทำการชำระหนี้ตามยอดค้างหมดแล้ว
ตัวเลข 12 ความหมายคือ มีสถานะในการพักชำระหนี้ โดยเจ้าของบัญชีได้ทำการขอพักชำระหนี้ที่เคยมียอดค้างชำระหนี้ ตามนโยบายของรัฐ ซึ่งทำให้สถานะในระหว่างการพักชำระหนี้ไม่มีการระบบสถานะว่ามียอดค้าชำระ
ตัวเลข 20 ความหมายคือ มีสถานะในการค้างชำระหนี้ในระบบเกิน 90 วัน ซึ่งสถานะนี้จะทำให้เกิดผลเสียต้องเจ้าของบัญชี เนื่องจากมียอดค้างชำระหนี้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และหากเจ้าของบัญชีไม่ทำการติดต่อขอชำระหนี้ อาจถูกดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป
ด้วยเหตุนี้ผู้ที่ติดเครดิตบูโร ควรทำการตรวจเช็กสถานะบัญชีตัวเองให้ทราบแน่ชัดเสียก่อน เพื่อทำการวางแผนและจัดการแก้ไขในลำดับต่อไป โดยสามารถทำการตรวจสอบสถานะเครดิตบูโรของเราเองที่สำนักงานเครดิตบูโรทุกสาขา ซึ่งมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการอยู่ที่ 100 บาท
วางแผนและจัดการด้านการเงิน
หลังจากที่เราทำการเช็กสถานะบัญชีเครดิตบูโรของเราเรียบร้อยแล้ว จากนั้นทำการคำนวณและวางแผนในการผ่อนชำระหนี้คงค้างทั้งหมดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อเปลี่ยนสถานะให้กลับมาเป็นบัญชีปกติ โดยเริ่มจากการขอพักชำระหนี้ หรือเจรจาขอชำระหนี้ตามจำนวนขึ้นต่ำหรือมากว่า เพื่อปิดบัญชี ไม่ให้มียอดค้างในระบบ
หากเรามีเงินเดือนและสถานะการเงินมีสภาพคล่องดี ควรดำเนินการตามขั้นตอนนี้
ลิสต์รายการหนี้สินค้างชำระทั้งหมด ไม่ว่าจะเงินต้น หรือดอกเบี้ยแล้วรวมหนี้ให้เป็นก้อนเดียว ช่วยลดอัตราดอกเบี้ยได้
ปรับพฤติกรรมใหม่ในการชำระหนี้ ให้ตรงกำหนดวันชำระ และเก็บใบเสร็จไว้ทุกครั้ง เพื่อนำมาเป็นหลักฐานในการยื่นกู้
เก็บออมเพื่อให้มีเงินก้อน อาจจะมาจากเงินโบนัส ค่าคอมมิชชั่น หรือเงินที่ได้จากการทำงานพิเศษ เพื่อนำมาปิดยอดหนี้สินทั้งหมด
ยกเลิกบัตรเครดิต เพราะเป็นสาเหตุหลักของมนุษย์เงินเดือนในการติดแบล็คลิสต์ คือการใช้เงินในอนาคต
หากเรามีสถานะการเงินกำลังประสบปัญหา ควรดำเนินการตามขั้นตอนนี้
จัดสรรความสำคัญของหนี้แต่ละประเภท โดยพิจารณาจากอัตราดอกเบี้ยเป็นอันดับแรก ทันทีที่รู้ตัวว่ากำลังประสบปัญหาทางการเงินให้เจรจากับธนาคาร เพื่อปรับโครงสร้างหนี้ ช่วยแบ่งเบาภาระลดอัตราดอกเบี้ย และขยายระยะเวลาในการชำระ ภายหลังจากจัดเรียงความสำคัญหนี้สินแล้ว ให้บอกเลิกการซื้อของเงินผ่อน และใช้วิธีออมเงินก้อนหรือนำเงินรายได้พิเศษมาโปะหนี้สินแต่ละรายการ เพื่อปลดล็อคแบล็คลิสต์แบบถาวร
ตรวจสอบข้อมูลติดแบล็คลิสต์ของตนเองอีกครั้ง พร้อมเก็บหลักฐานนำมายืนยันกับเจ้าหน้าที่ธนาคารทันทีที่สามารถปลดออกจากแบล็คลิสต์เนื่องจากรายชื่อแบล็คลิสต์จะถูกจัดเก็บไว้ในข้อมูลเครดิตบูโรถึง 3 ปี การแสดงหลักฐานว่าเรารักษาเครดิตขาวสะอาดก็เพื่อให้ขอกู้เงินซื้อบ้านได้ง่ายขึ้น
วางแผนก่อนการขอยื่นกู้
จริงๆ แล้วการสร้างเครดิตก็เป็นสิ่งจำเป็น เพื่อให้ธนาคารมองเห็นประวัติการชำระเงิน เช่น การขอสินเชื่อบัตรเครดิตที่จำเป็นต้องใช้ และต้องใช้อย่างมีวินัย โดยทำการชำระเต็มวงเงิน หรือตามข้อตกลงอย่างสม่ำเสมอ ไม่ขาดชำระ ขอยื่นกู้ร่วมกับคนในครอบครัวที่มีประวัติเครดิตบูโรที่ดี เพื่อเพิ่มโอกาสในการอนุมัติสินเชื่อ
หากเราแก้ประวัติทางการเงินเรียบร้อยแล้ว ปัญหาการติดเครดิตบูโร หรือการติดแบล็คลิสต์ ก็จะไม่ใช่ปัญหาอีกต่อไป
ดูรายละเอียดโครงการได้ที่ KD.CO.TH