“ชีวิตสีเขียว” หรือ Green Living ที่หลายต่อหลายคนกำลังถามหา และกลายเป็นการอยู่อาศัยในอุดมคติของชาว Gen Y Gen Z แท้จริงแล้ว ความเป็นอยู่ในรูปแบบนี้ เกิดขึ้นง่ายๆ เพียงแค่เราเข้าใจและรู้วิธีใช้ชีวิตร่วมกับธรรมชาติ และไม่ลืมที่จะใส่ใจสิ่งแวดล้อม
อาจเพราะช่วงเวลาที่ผ่านมาเราทุกคนเริ่มที่จะมีเวลาใช้ชีวิตอยู่ภายในบ้านมากกว่าเพียงแค่ช่วงพักผ่อนในวันหยุด เราเริ่มมีความต้องการพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านที่เพิ่มมากขึ้น ต้องการพื้นที่ส่วนตัว ในขณะที่ยังคงต้องการพื้นที่ทำกิจกรรมร่วมกับสมาชิกภายในบ้าน ที่สำคัญคือ ทุกคนเริ่มมองหา “พื้นที่สีเขียวภายในบ้าน” สวนเล็กๆ มุมใดมุมหนึ่งในบริเวณบ้าน เพิ่มเติมจากส่วนพักผ่อนซึ่งทางโครงการจัดให้
ผลการวิจัยพบว่า พื้นที่สีเขียวจากต้นไม้ สามารถช่วยให้คุณมีสุขภาพที่ดีขึ้นได้ เพิ่มความสดชื่น มีผลในเชิงบวกต่อความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นในระยะยาว สามารถลดสภาวะความตึงเครียดและส่งเสริมสุขภาพจิตที่ดีต่อผู้อยู่อาศัย
การปลูกต้นไม้ภายในบ้าน ต้นไม้มักจะดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และปล่อยออกซิเจนบริสุทธิ์ออกมา ซึ่งนอกจากต้นไม้จะช่วยทำให้บ้านดูเย็นสบายขึ้นแล้ว ต้นไม้บางชนิดยังสามารถช่วยลดมลพิษในอากาศได้ด้วย เช่น ต้นปาล์ม ไผ่ ต้นเขียวหมื่นปี และต้นตีนตุ๊กแกฝรั่ง หรือแม้แต่ต้นพลูด่าง ก็ช่วยฟอกอากาศให้เราได้โดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งการปลูกต้นไม้ในบ้าน หรือมุมใดมุมหนึ่งภายในบริเวณบ้าน เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตแนว Green Living แต่หากจะให้ครบสมบูรณ์ แท้จริงแล้วยังมีส่วนประกอบต่างๆ ที่เราทำได้ไม่ยาก
ยกตัวอย่างเช่น พยายามลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เพราะมลภาวะส่วนใหญ่ที่เราเจอกันในปัจจุบันมาจากการเผาไหม้เชื้อเพลิงฟอสซิล ไม่ว่าจะเป็นการขับรถยนต์ การผลิตไฟฟ้า หรือการใช้อุปกรณ์ต่างๆ ดังนั้น คุณต้องมองหาทางเลือกอื่น เช่น แหล่งพลังงานหมุนเวียน จากพลังงานแสงอาทิตย์ หรือเลือกยานพาหนะที่ประหยัดพลังงานหรือใช้เชื้อเพลิงทางเลือก และง่ายกว่านั้นคือปิดไฟ อุปกรณ์ต่างๆ เมื่อไม่ใช้งาน
ใช้วันพักผ่อนด้วยการเดินทางไปยังสถานที่ใกล้ ๆ และใช้วันผักผ่อนได้นานขึ้น แนวคิดนี้ช่วยลดการใช้พลังงานจากอุตสาหกรรมการบิน ถ้ายังอยากเดินทางไกลก็ขอให้เลือกสายการบินที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและชดเชยคาร์บอนที่เดินทางในโครงการสีเขียว
ใช้ระบบขนส่งสาธารณะ
ลดปริมาณขยะของครอบครัว
นำแนวคิด “ซ่อมแซมและอัพไซเคิลไปสู่สิ่งใหม่” มาปรับใช้เป็นรูปธรรม
พยายามเลิกใช้พลาสติกแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง
สนับสนุนธุรกิจในท้องถิ่น แทนการสั่งซื้อของจากต่างประเทศราคาถูก เพราะการขนส่งทางไกลเพิ่มการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จำนวนมาก ยิ่งไปกว่านั้น ผลิตภัณฑ์มักถูกบรรจุอย่างหนาแน่นเพื่อป้องกัน ซึ่งวัสดุเหล่านั้นคือขยะ
และเลือกเก็บน้ำฝน ซึ่งเป็นน้ำธรรมชาติมาใช้มากขึ้น เช่น การให้น้ำในสนามหญ้า ล้างรถ และอื่นๆ ที่ไม่ต้องการน้ำดื่ม
เพียงเท่านี้ การใช้ชีวิตด้วย Concept Green Living ก็เป็นเรื่องง่ายๆ และขอบอกว่าแนวคิด Green Living คือส่วนหนึ่งของแนวคิดหลักในการพัฒนาที่อยู่อาศัยของกานดา พร็อพเพอร์ตี้ ภายใต้แบรนด์ “ไอลีฟ “ ในทุกโครงการ